
รู้ไหมครับว่าหุ้นที่คุณๆเล่นกันอยู่นี้มีลักษณะที่แตกต่างกัน ทั้งพื้นฐาน ลักษณะของการเคลื่อนไหว ความ Sensitive ของราคา หรือแม้แต่ลักษณะนิสัยของนักลงทุนขาประจำ ดังนั้นการที่คุณจะเล่นหุ้นตัวใดตัวหนึ่งนั้นคุณควรคำนึงว่าคุณและหุ้นตัวนั้นๆมีสไตล์เดียวกันหรือไม่ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักประเภทของหุ้นกัน……

1.หุ้น Blue Chip
มีลักษณะเป็นกิจการขนาดใหญ่ ที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง ผลดำเนินงานดีสม่ำเสมอ
จ่ายปันผลพอสมควรอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ
เช่น บ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ธนาคารใหญ่ๆ เช่น ธ.กรุงเทพ ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์
และหุ้นใหญ่ที่มี Brand เข้มแข็งอื่นๆ เช่น CPF และหุ้นในกลุ่ม PTT เป็นต้น

2.หุ้น Growth Stock
มีลักษณะของธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงการเติบโตได้ต่อเนื่อง ตลาดยังไม่อิ่มตัว
มีคู่แข่งขันทางธุรกิจน้อยราย ผลดำเนินงานเติบโตเร็วแบบต่อเนื่องทั้งยอดขาย
และผลกำไร มักจะมีอัตราจ่ายปันผลต่ำเทียบกับผลกำไรที่ทำได้ (Payout Ratio)
นื่องจากอาจต้องกันเงินเพื่อนำไปลงทุนต่อ หุ้นในกลุ่มนี้มักจะมีราคาต่อมูลค่าทาง
บัญชี (P/BV) และ P/E ที่สูงมาก

3 หุ้นที่เป็นวัฏจักร (Cyclical stock)
มีลักษณะของธุรกิจที่ราคาสินค้าผันผวนขึ้นลงมากๆ ตามวัฎจักร Demand & Supply
หรืออาจมีความต้องการจำเพาะในช่วงสั้นๆ เช่น ตามฤดูกาล ตามสภาพแวดล้อม เป็นต้น
ซึ่งจะแตกต่างจาก Growth stock ตรงที่ธุรกิจของ Growth stock จะเติบโตเร็วอย่างต่อเนื่อง
หุ้นที่เป็นวัฏจักรมักจะมีผลกำไรผันผวนมากๆ จุดสูงสุดและต่ำสุดในช่วงวัฏจักรต่างกันหลายเท่าตัว
ช่วงต่ำสุดอาจถึงขั้นขาดทุนในรอบวัฏจักรหนึ่งๆ กินเวลาหลายๆ ปี (ไม่ใช่ฤดูกาลในรอบ 1 ปี)
ธุรกิจที่เป็นวัฏจักร เช่น ปิโตรเคมี, พืชผลต่างๆ, เดินเรือ, โรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น

4.หุ้น Value stock
มีลักษณะธุรกิจที่มีผลดำเนินงานดี และมีแนวโน้มอนาคตที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจใหญ่
ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางทฤษฎีมาก จึงมี P/E ต่ำ, P/BV ต่ำถึงปานกลาง ในอดีตคงหาหุ้น
Value Stock ได้ง่าย แต่ปัจจุบันจากการที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมามาก
และที่ผ่านมามีกูรูประเภท Value Investor ได้สอนให้นักลงทุนหาหุ้น Value กันอยู่หลายปี
จนเป็นที่แพร่หลายกันในตลาด

5.Income stock หรือที่คนไทยเรียก Dividend Stock (หุ้นปันผลสูง)
มีลักษณะเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนเงินปันผลสูง ( Dividend Yield) มักเป็นหุ้นกิจการที่
ไม่ใหญ่มากนัก จึงไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนเท่าไหร่ ผลตอบแทนปันผลจึงสูง
อาจเป็นหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่ไม่ได้ขยายตัวสูงมาก จึงไม่ต้องใช้เงินสดเพื่อลงทุนขยาย
งานต่อมากนัก จึงสามารถนำมาจ่ายปันผลได้มาก หุ้นกลุ่มนี้ควรจะต้องจ่ายปันผลระดับสูง
กว่าหุ้นกู้ระยะอายุ 5 ปีของบริษัทตัวเอง คือสักใกล้ๆ 6% ขึ้นไป และต้องไม่ใช่หุ้นธุรกิจ
วัฏจักรนะครับ เพราะปันผลหุ้นวัฏจักรจะไม่ยั่งยืน

6. Defensive stock
มีลักษณะเป็นหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ยามเศรษฐกิจดี
ธุรกิจของ Defensive จะได้ประโยชน์น้อยกว่าหุ้นอื่น แต่ยามเศรษฐกิจแย่ ธุรกิจของ
Defensive ก็ได้รับผลกระทบน้อยกว่ามาก มักเป็นหุ้นที่มีคุ่แข่งน้อยราย ตัวอย่างใน
กลุ่มสาธารณูปโภค เช่น ผลิตไฟฟ้า

7.Speculative stock (หุ้นเก็งกำไร)
มีลักษณะเป็นหุ้นที่มีพฤติกรรมราคาผันผวนขึ้นและลงครั้งละมากๆ มีสภาพคล่องของการ
ซื้อขายสูง มีจำนวนหุ้นเยอะ มักเป็นหุ้นที่มีความไม่แน่นอนของธุรกิจสูง มักมีทั้งข่าวจริง
และข่าวลือเยอะๆ เพื่อให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อขายกันอย่างคึกคัก หุ้นประเภทนี้มีทั้งประเภท
ที่อยู่เป็นขาประจำ และขาจร ขาประจำ หุ้นในกลุ่มนี้มีทั้งหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดกลาง
และหุ้นขนาดเล็ก หากคุณไม่ใช่เซียนและไม่ชอบของร้อนก็แนะนำให้ห่างจากหุ้นในกลุ่มนี้นะครับ
ที่มา: th.wikipedia
อยากจะบอกว่ามี DW ที่อ้างอิงบนหุ้นครบทั้ง 7 ประเภทที่เราได้แนะนำไปเลยนะครับ
แต่ต้องอย่าลืมว่าการเทรด DW นั้นคุณจะต้องมีแผนดารเทรดในระยะสั้นไม่เกิน 1 เดือนเท่านั้น
เนื่องจาก DW นั้นมี Time Value ที่จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และคุณควรหลีกเลี่ยงการเทรด DW ที่ใกล้วันหยุดอายุ เนื่องจากคุณอาจเสี่ยงต่อการขาดทุน
หรือไม่ได้รับเงินคืนนะครับ อย่าลืมนะครับถ้าสนใจจะเทรด DW ให้นึกถึง DW24 เพราะเรามี
DW ที่อ้างอิงบนหุ้นที่ครบถ้วนที่สุด
Post Views: 5,835