fbpx

“ตลาดหุ้น” ศูนย์รวมความหวังของนักลงทุน

April 12, 2023

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ตลาดหุ้นยังคงเป็นความหวังของนักลงทุนมือใหม่เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองเสมอ หากย้อนกลับไปในปี 2517 ได้มีการจัดตั้งตลาดหุ้นในประเทศไทยและเริ่มมีการซื้อ – ขายครั้งแรกในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นรูปแบบของตลาดรองให้มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนไว้ พร้อมกับสามารถระดมเงินทุนจากสาธารณะได้อย่างง่าย นี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดหุ้นไทย

Timeline ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยกว่าจะมาเป็นเหมือนปัจจุบันต้องผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ มามากมายพร้อมกับนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาต่อเนื่องทุกปีด้วยความหวังที่ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นจะช่วยสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง เรามาดูกันดีกว่าว่าตลาดหุ้นไทยนั้นต้องผ่านอะไรมาบ้างตลอดระยะเวลา 48 ปี

ปี 2518

เริ่มเปิดซื้อ – ขาย เป็นครั้งแรก โดยมีหุ้นทั้งหมด 8 บริษัทแต่ที่ยังคงอยู่ในตลาดหุ้น 5 บริษัทได้แก่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL), บมจ.ดุสิตธานี (DUSIT), บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC), บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC), บมจ.ทุนธนชาต (TCAP)

ปี 2520

การซื้อ – ขาย มีความคึกคักเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงปีแรกแต่ขาดกฎเกณฑ์และการกำกับดูแลที่ดีส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดการปั่นราคากันต่อเนื่องเรียกว่าใครที่เข้ามาในตลาดหุ้นช่วงนั้นก็ร่ำรวยกันถ้วนหน้า

ตลาดหุ้นไทย
ที่มา : Thailand investment forum

ปี 2522

เกิดวิกฤต “ราชาเงินทุน” ในขณะนั้น บริษัทราชาเงินทุนซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ พร้อมกับได้มีการจดทะเบียนในตลาดหุ้นเมื่อปี 2520 ที่ราคา 275 บาท และราคาได้ทำจุดสูงสุดที่ 2470 บาท สาเหตุของวิกฤตินี้คือบริษัทได้มีการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพกล่าวคือปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าที่ไม่มีหลักประกันเป็นหลัก อีกทั้งปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มบริษัทตนเองจนสุดท้ายขายสภาพคล่องไม่สามารถชำระหนี้ได้จึงเข้าข่ายล้มละลายในที่สุด ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของสถาบันการเงิน

ปี 2534

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการเปลี่ยนวิธีการซื้อขายจากการเคาะกระดานแบบเดิมเป็นระบบคอมพิวเตอร์แห่งแรกในอาเซียน เพื่อให้มีประสิทธิภาพเทียบและอำนวยความสะดวกแก่บริษัทสมาชิกไปจนถึงนักลงทุน

ปี 2538

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเริ่มคำนวณ SET50 Index ในวันที่ 16 สิงหาคม 2538 โดยมีดัชนีเริ่มต้น 1,000 จุด เป็นการคำนวณโดยใช้หุ้นสามัญจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือก 50 อันดับแรก

ปี 2540

ประเทศไทยเกิดวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” จากการโจมตีค่าเงินบาทอย่างหนักสุดท้ายรัฐบาลได้ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทเกิดการอ่อนค่าในทันทีจากเดิม 25.60 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ไปสูงสุดที่ 55 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้ในปี 2541 ตลาดหุ้นได้ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 204.59 จุด

ปี 2543

เปิดระบบการซื้อขายหุ้นผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกโดยบริษัทเซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด หรือที่เรารู้จักในนามของ Settrade นั่นเอง

ปี 2549

เปิดดำเนินการซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เพื่อให้ตลาดหุ้นไทยมีเครื่องมือครบถ้วนมากยิ่งขึ้น หลังมีการจัดตั้งบริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX เมื่อปี 2547 และปีเดียวกันนี้เองตลาดหุ้นบ้านเราได้มีการใช้ Circuit Breaker เป็นครั้งแรก

ปี 2555

ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในอาเซียนเป็นครั้งแรก

ปี 2563

เกิดวิกฤตการแพร่ระบาด “โควิด 19” ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากรวมไปถึงตลาดหุ้นได้ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 969.08 จุด เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563

ตลอดระยะเวลา 48 ปี ของตลาดหุ้นไทยแม้จะมีวิกฤตใดเข้ามาก็ตามนักลงทุนก็ยังคงเห็นถึงโอกาสที่อยู่ภายใต้วิกฤตเหล่านี้ทำให้ปัจจุบันนักลงทุนในตลาดหุ้นไม่ได้มีเพียงแต่นักลงทุนมือเก่าเท่านั้นแต่ยังคงมีนักลงทุนมือใหม่เข้ามาสู่ตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโอกาสและความหวังว่าการลงทุนจะช่วยให้การใช้ชีวิตของเขาเหล่านี้มีความมั่งคั่งมากขึ้น

สินค้าในตลาดหุ้นปัจจุบัน

สินค้าในตลาดหุ้นปัจจุบันมีให้เลือกเทรดมากมาย แบ่งได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่

  1. หุ้นรายตัว
  2. ETF
  3. DR
  4. DRX
  5. DW
  6. TFEX

การที่ตลาดหุ้นมีสินค้าให้เลือกหลากหลายช่วยให้นักลงทุนสามารถเพิ่มโอกาสในการลงทุนไม่จำกัดเพียงแค่หุ้นรายตัวเท่านั้นแต่สามารถลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อนบ้านได้ไม่ยากอีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามการที่ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นก็จะแลกด้วยความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

อย่างไรแล้วตลาดหุ้นก็เปรียบเสมือนสถานที่รวมตัวของนักลงทุนที่คาดหวังถึงการลงทุนแล้วได้รับผลตอบแทนอย่างที่คิดไว้แต่บางครั้งสภาวะตลาดและเศรษฐกิจก็ไม่เอื้ออำนวยทำให้นักลงทุนที่ผิดหวังก็จำเป็นต้องออกจากตลาดหุ้นไปส่วนนักลงทุนที่สามารถประสบความสเร็จก็สามารถอยู่ในตลาดหุ้นได้ รวมไปถึงทุกๆ ปีก็จะมีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาอยู่เสมอและยังคงจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเสน่ห์ของตลาดหุ้นไปจนถึงผลตอบแทนไม่น่าดึงดูดใจพอที่จะทำให้นักลงทุนนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นเหมือนในปัจจุบัน

ตลาดหุ้นไทย