
สิ่งที่นักลงทุนควรรู้ของหุ้นแต่ละตัวในตลาดมีลักษณะที่แตกต่างกัน ทั้งพื้นฐาน ลักษณะของการเคลื่อนไหว หรือแม้แต่ลักษณะนิสัยของนักลงทุนขาประจำ ดังนั้นการที่คุณจะเล่นหุ้นตัวใดตัวหนึ่งนั้นคุณควรคำนึงว่าคุณและหุ้นตัวที่นักลงทุนเทรดมีสไตล์เดียวกันหรือไม่ วันนี้ DW24 จะพาคุณไปรู้จักประเภทของหุ้นกัน
หุ้น Blue Chip
หุ้นประเภทนี้มีลักษณะเป็นกิจการขนาดใหญ่ ที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง ผลดำเนินงานดีสม่ำเสมอ จ่ายปันผลต่อเนื่อง และส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ เช่น บ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือธนาคารใหญ่ๆ เช่น ธ.กรุงเทพ (BBL) ธ.กสิกรไทย (KBANK) ธ.ไทยพาณิชย์ (SCB) และหุ้นใหญ่ที่มี Brand เข้มแข็งอื่นๆ เช่น CPF และหุ้นในกลุ่ม PTT เป็นต้น
หุ้น Growth Stock
ลักษณะของธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงการเติบโตได้ต่อเนื่อง ตลาดยังไม่อิ่มตัว มีคู่แข่งขันทางธุรกิจน้อยราย ผลดำเนินงานเติบโตเร็วแบบต่อเนื่องทั้งยอดขายและผลกำไร แต่อาจจะมีอัตราจ่ายปันผลต่ำเมื่อเทียบกับผลกำไรที่ทำได้ (Payout Ratio) เนื่องจากต้องกันเงินบางส่วนเพื่อไปลงทุนต่อ หุ้นในกลุ่มนี้มักจะมีราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) และ P/E ที่สูง
หุ้นที่เป็นวัฏจักร (Cyclical Stock)
เป็นลักษณะของธุรกิจที่ราคาสินค้าผันผวนขึ้นลงมากๆ ตามวัฎจักร Demand & Supply หรืออาจมีความต้องการเฉพาะในช่วงสั้นๆ เช่น ตามฤดูกาล ตามสภาพแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งจะแตกต่างจาก Growth Stock ตรงที่ธุรกิจของ Growth Stock จะเติบโตเร็วอย่างต่อเนื่อง หุ้นที่เป็นวัฏจักรมักจะมีผลกำไรผันผวนมากจุดสูงสุดและต่ำสุดในช่วงวัฏจักรต่างกันหลายเท่าตัวช่วงต่ำสุดอาจถึงขั้นขาดทุน ในรอบวัฏจักรจะกินเวลาหลายๆ ปี (ไม่ใช่ฤดูกาลในรอบ 1 ปี) ธุรกิจที่เป็นวัฏจักร เช่น ปิโตรเคมี, พืชผลต่างๆ, เดินเรือ, โรงกลั่นน้ำมัน, ถุงมือยาง เป็นต้น
หุ้น Value Stock
หุ้นกลุ่มนี้มีลักษณะธุรกิจที่มีผลดำเนินงานดี และมีแนวโน้มอนาคตที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจใหญ่ ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางทฤษฎีมาก จึงมี P/E ต่ำ, P/BV ต่ำถึงปานกลาง ในอดีตคงหาหุ้น Value Stock ได้ง่าย แต่ปัจจุบันจากการที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมามาก และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้หุ้นบางตัวที่ดูเหมือนหุ้น Value Stock ความเป็นจริงอาจไม่ใช่ก็ได้
หุ้น Dividend Stock
มีลักษณะเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนเงินปันผลสูง (Dividend Yield) มักเป็นหุ้นกิจการที่ไม่ใหญ่มากนัก จึงไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนเท่าไหร่ ผลตอบแทนปันผลจึงสูงอาจเป็นหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่ไม่ได้ขยายตัวสูงมาก จึงไม่ต้องใช้เงินสดเพื่อลงทุนขยายงานต่อมากนัก จึงสามารถนำมาจ่ายปันผลได้มาก หุ้นกลุ่มนี้มักจะจ่ายปันผลเฉลี่ยน 5% ขึ้นไปและจะต้องจ่ายปันผลต่อเนื่อง
หุ้น Defensive Stock
มีลักษณะเป็นหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ยามเศรษฐกิจดี ธุรกิจของ Defensive จะได้ประโยชน์น้อยกว่าหุ้นอื่น แต่ยามเศรษฐกิจแย่ ธุรกิจของ Defensive ก็ได้รับผลกระทบน้อยกว่ามาก มักเป็นหุ้นที่มีคู่แข่งน้อยราย หากมองภาพง่ายๆจะเป็นหุ้นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศกลุ่มสาธารณูปโภค เช่น หุ้นโรงไฟฟ้า เป็นต้น
Speculative Stock (หุ้นเก็งกำไร)
มีลักษณะเป็นหุ้นที่มีพฤติกรรมราคาผันผวนขึ้นและลงครั้งละมากๆ มีสภาพคล่องของการซื้อขายสูง มีจำนวนหุ้นเยอะ มักเป็นหุ้นที่มีความไม่แน่นอนของธุรกิจสูง มักมีทั้งข่าวจริงและข่าวลือเพื่อให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อขายกันอย่างคึกคัก หุ้นประเภทนี้มีทั้งประเภทที่อยู่เป็นขาประจำ และขาจร หุ้นในกลุ่มนี้มีทั้งหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดกลาง และหุ้นขนาดเล็ก
หุ้นทั้ง 7 ประเภท นี้มีความแตกต่างกันดังนั้นนักลงทุนอาจจะมีความถนัดในการเทรดหุ้นแต่ละประเภทที่แตกต่างกันไป โดยหุ้นที่อยู่ใน 7 ประเภทนี้บางตัวอาจจะมี DW ช่วยให้นักลงทุนสามารถเพิ่มผลตอบแทนได้มากขึ้นอย่างไรก็ดีนักลงทุนควรวางแผนให้ชัดเจนก่อนการลงทุนทุกครั้ง

Post Views: 7,811